สูตรปลอดสารทำเองง่ายๆ กำจัดปลวก มดแมลง เพลี้ยไฟ ไรแดง แถมยังไล่ยุงได้อีกด้วย

     สูตรกำจัดปลวกแบบปลอดสาร ใช้ไล่มด แมลง เพลี้ยไฟ ไรแดง ที่จะมาทำลายพืชผักหรือพืชผลของเรา เป็นสูตรหัวเชื้อเข้มข้นที่ผมใช้มานานแล้ว สามารถป้องกันหรือกำจัดยุงได้ด้วย



ส่วนผสมหลักที่ใช้

1. ยาสูบ (ชนิดฉุน) 2 ห่อ

2. ดีปลีสดหรือแห้ง 1 ถ้วย

3. ข่าหั่นเป็นแว่นบางๆ 2 ถ้วย

4. น้ำเปล่า 2 ลิตร

วิธีทำ

นำส่วนผสมทั้งหมดมาต้มรวมกันด้วยไฟอ่อนๆ ทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อให้สารบางบางชนิดปลดปล่อยออกมาจากสมุนไพรได้เต็มที่ จากนั้นก็กรองเอาเฉพาะน้ำ ส่วนกากที่เหลือสามารถนำไปใส่รอบโคนต้นไม้ป้องกันมดแมลงได้

- ใช้ไล่แมลง

ให้นำหัวเชื้อสูตรเข้มข้น 2 ช้อนแกง ผสมน้ำ 2 ลิตร +น้ำยาล้างจาน 2 ช้อน นำไปฉีดพ่น หรือใส่บัวรดน้ำรดพืชผักได้เลย

-ใช้ไล่หรือกำจัดปลวก

ให้นำหัวเชื้อสูตรเข้มข้น 2 ช้อนแกงผสมน้ำ 2 ลิตร เติมเกลือลงไป 2 ช้อน นำไปเทราดตามโคนเสาที่มีปลวกเข้าทำลาย เพียงเท่านี้มดปลวกก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้แล้ว

การเก็บรักษา

หากใช้ไม่หมดแนะนำให้เก็บไว้ในตู้เย็น เพื่อยืดอายุการใช้งานและเพื่อป้องกันกระบวนการหมักที่จะเกิดขึ้น เพื่อลดค่าความเป็นกรดในน้ำสกัดสมุนไพร ทำครั้งเดียวสามารถเก็บไว้นานข้ามปีก็ยังได้

สูตรนี้กำจัดปลวกมดแลงได้อย่างไร?

สูตรนี้เป็นสูตรหัวเชื้อเข้มข้น ปลอดสารปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม แต่เป็นที่ไม่พึงประสงค์ของแมลงศัตรูพืชเพราะใช้สมุนไพรธรรมชาติที่มีฤทธิ์เผ็ดร้อน โดยเฉพาะข่าสดจะมีน้ำมันหอมระเหยที่มีฤทธิ์ไล่ยุงไล่แมลงและยังมีดีปลีที่มีฤทธิ์เผ็ดร้อน มีรสขม ก็ไม่เป็นที่พึงประสงค์ของมดและแมลงต่างๆ ปิดท้ายด้วยยาฉุนที่มีกลิ่นรุนแรง ก็ไม่พึงประสงค์ของมดแมลงเช่นกัน เมื่อนำ 3 อย่างมารวมกัน จึงได้สูตรเข้มข้นที่สามารถนำมาใช้ได้เลยไม่ต้องหมัก ด้วยฤทธิ์ที่เผ็ดร้อน กลิ่นที่รุนแรง จึงสามารถป้องกันและกำจัดปลวกได้ลองทำดูนะครับ.

กะปิสรรพคุณดีๆที่หลายคนยังไม่เคยรู้

กะปิทำมาจากอะไร?

     หากพูดถึงกะปิ คิดว่าหลายคนคงรู้จักเป็นอย่างดี ซึ่งกะปิในสมัยก่อนจะทำมาจากตัวเคย แต่ในปัจจุบันตัวเคยหายากขึ้นเรื่อย จึงนิยมนำเอาเนื้อปลามาเป็นส่วนผสมในกะปิ แต่ก็ยังคงสรรพคุณดีๆเอาไว้เหมือนกัน กะปิถือว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องแกงที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แถมยังมีประโยชน์ต่อวงการเกษตรอย่างมาก


ประโยชน์ทางด้านสุขภาพ

     ประโยชน์หลักๆที่ดีต่อสุขภาพที่ได้จากการรับประทานกะปิก็คือ ช่วยบำรุงกระดูก ทำให้ฟันแข็งแรง เพราะมีแคลเซียม ป้องกันและบำรุงสายตา เพราะในกะปิมีแอนตี้ออกซิแดนท์ที่สำคัญคือ สารแอสตาแซนทิน (Astaxanthin) เป็นสารที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด กินแล้วทำให้รู้สึกสดชื้นผ่อนคลายกระฉับกระเฉง ดวงตาใสแจ๋วไม่พร่ามัว อีกทั้งยังช่วยบำรุงสมอง เพราะในกะปิจะอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ช่วยบำรุงสมอง บำรุงประสาทนั่นเอง แต่ถึงอย่างไรทางการแพทย์ก็ย้ำเสมอว่าควรปรุงให้สุกด้วยการใส่รวมกับเครื่องแกงประกอบเมนูต่างๆที่เราชื่นชอบ หลีกเลี่ยงการรับประทานกะปิที่ไม่ผ่านความร้อน คือต้องทำให้สุกก่อนและข้อควรระวังอีกอย่างก็คือ กะปิ ปลาเค็ม และเต้าเจี้ยว คืออาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงนะครับ

ประโยชน์ทางด้านการเกษตร หลักๆที่ใช้กันก็จะมี 2 อย่างคือ

1.ใช้เป็นน้ำยาเร่งราก

เพียงนำกะปิ ครึ่งช้อน ผสมกับน้ำ 1 ลิตร นำกิ่งพันธุ์หรือต้นพันธุ์ไม้บางชนิด มาแช่ไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นก็นำไปปักชำลงดินหรือปลูกได้เลย จะทำให้กิ่งพันธุ์ของเราออกรากไวกว่าการที่เราแช่น้ำธรรมดา

2.ใช้ผสมน้ำฉีดพ่นแทนปุ๋ยทางใบ

เพียงนำกะปิ 1 ช้อนผสมน้ำ 3-5 ลิตร + ด้วยน้ำยาล้างจานเพื่อเป็นสารจับใบช่วยลดแรงตรึงผิว แล้วนำไปฉีดพ่นพืชผักไม้ผลไม้ยืนต้นของเราก็จะช่วยเร่งดอกผล ทำให้ขั้วเหนียวติดผลดกเต็มต้น เพราะกะปิอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆมากมายโดยเฉพาะแคลเซียมที่ช่วยเสริมสร้างเซลล์ ทำให้ขั้วดอกเหนียว ติดผลดกไม่หลุดร่วง และยังอุดมไปด้วยวิตามินชนิดต่างๆ ที่ล้วนเป็นประโยชน์ต่อพืชที่เราปลูก