การใส่ปุ๋ยคอกให้ได้ประโยชน์สูงสุด

ข้อควรรู้ในการใส่ปุ๋ยคอก

ในการทำเกษตรที่ถูกต้องนั้น ในรอบฤดูกาลปลูกแต่ละครั้งเราไม่ควรละเลยการปรับปรุงบำรุงดิน การเพิ่มธาตุอาหารประเภทอินทรียวัตถุต่างๆลงไปในแปลงเพาะปลูกของเรา ซึ่งจากข้อมูลที่อ้างอิงจากหนังสือหนังสือแนวทางการผลิต เกษตรอินทรีย์ ได้แนะนำเอาไว้ว่า ปุ๋ยอินทรีย์หรือมูลสัตว์ต่างๆที่เราควรใส่เพิ่มลงไปในแปลงปลูกของเราควรมีอัตราส่วนดังนี้

- มูลโคกระบือให้ใช้ 2-5 ตัน/ไร่ 
- มูลสุกรให้ใช้ 1-2 ตัน/ไร่
- มูลไก่ไข่ใช้ 0.3-1.0ตัน/ไร่ 
- มูลไก่กระทงใช้ 1-2 ตัน/ไร่

ส่วนวิธีการใส่ก็สามมารถทำได้หลายรูปแบบ ดังนี้
1. ใส่รองก้นหลุมก่อนปลูก  เช่น การรองก้นหลุมปลูกดอกไม้หรือไม้ผลไม้ยืนต้นชนิดต่างๆ ซึ่งโดยทั่วไปจะใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก มูลวัว  และกระบือ  รองก้นหลุมประมาณ 5-10 กิโลกรัม/หลุม

2. ใส่ในร่องรอบรัศมีพุ่ม สำหรับใส่สวนไม้ผลไม้ยืนต้น เช่น  สวนมะม่วง สวนทุเรียน สวนลำไย เป็นต้น ให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์รอบๆในเขตรัศมีของทรงพุ่มและขยายออกไปทุกๆปี ตามรัศมีพุ่มจนกระทั่งต้นไม้เจริญโตเต็มที่

3. ใส่แบบหว่านในสวนผลไม้ที่โตแล้ว ซึ่งมักจะมีวัชพืชขึ้นและต้องมีการตัดถางวัชพืชแล้วปล่อยคลุมดินบริเวณรอบโคนต้น

4. กองใต้ร่มเงา การให้ปุ๋ยอินทรีย์ในลักษณะอย่างนี้มักใช้สำหรับปุ๋ยอินทรีย์ที่มี c/n เรโชสูงๆ สลายตัวช้า และมักใช้กับพืชที่ต้องการคุณภาพของผลผลิต เช่น ไผ่ กล้วย  หน่อไม้ฝรั่ง และในสวนไม้ผลต่างๆ

5. ใส่แบบหว่านแล้วไถกลบ เหมาะสำหรับพืชอายุสั้น จำพวกพืชไร่ เช่นข้าวโพด พืชสวน และพืชตระกูลถั่วประเภทต่างๆเป็นต้น

6. ใส่ในร่องแถวปลูกพืช เป็นวิธีการประหยัดและมีประสิทธิภาพ  เหมาะสมกับพืชที่ปลูกเป็นแถว ทั้งพืชอายุสั้น และพืชอายุยาว เช่นมันสำปะหลัง เป็นต้น